วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555



ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง
                “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทาง การดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำ แนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลง
                มีหลักพิจารณา ดังนี้
                กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็นโดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยและวิกฤติ เพื่อความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
                คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
                คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะพร้อม ๆ กัน ดังนี้
1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกิดไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
                เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรุ้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
1. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
2. เงื่อนไขความธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความชื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความพากเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี

ค่ายบางกุ้ง สถานที่เที่ยวใน จังหวัดสมุทสงคราม

      ค่ายบางกุ้ง เป็นค่ายทหารเรือไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ค่ายบางกุ้ง เรียกว่า "ค่ายบางกุง้" โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่าย เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่เคารพบูชาของทหาร ภายหลังเสียกรุงครั้งที่ 2 ค่ายบางกุ้งก็ร้างไปจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรี เป็นราชธานีจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ชาวจีนจากระยอง ชลบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรีรวบรวมผู้คนมาตั้งกองทหารรักษาค่าย จึงมีชื่อเรียกอีกหนึ่งว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง" ในปี พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงอังวะทรงยกทัพผ่านกาญจนบุรีมาล้อมค่ายจีนบางกุ้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระมหามนตรี (บุญมา) เป็นแม่ทัพยกไปช่วยเหลือทหารจีนขับไล่กองทัพพม่าทำให้ข้าศึกแตกพ่าย หลังจากนั้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 200 ปี จนมาถึง พ.ศ.2510 กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ตั้งเป็นค่ายลูกเสือขึ้น (ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว) และได้สร้างศาลพระเจ้าตากสินไว้เป็นอนุสรณ์ 


                 
             ค่ายบางกุ้ง โบสถ์ในต้นไม้ Unseen Thailand

สิ่งที่น่าสนใจ

โบสถ์ปรกโพธิ์
เป็นอุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพ ไทร ไกร และกร่าง มองจากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่ มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน รากไม้เหล่านี้ช่วยให้โบสถ์คงรูปอยู่ได้ ทั้งยังให้ความขรึมขลังอีกด้วย ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย (หลวงพ่อนิลมณี) และเรียกโบสถ์ว่า "โบสถ์ปรกโพธิ์" และมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัยปลายกรุศรีอยุธยาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ

 
วัดบางกุ้ง
เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน อยู่คนละฝั่งกับค่ายบางกุ้งโดยมีถนนผ่านกลาง สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ได้แก่ คัมภีร์โบราณ ส่วนมากจะเป็นตำรายาโบราณ และบริเวณหน้าวัดด้านที่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง จะมีปลาน้ำจืดต่างๆ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่า "วังมัจฉา"

การเดินทาง

ทางรถยนต์
จากตัวเมืองสมุทรสงคราม ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 325 (แม่กลอง-อัมพวา) ประมาณ 5 กม. เลยวัดบางกะพ้อม (ยังไม่ถึงตลาดอัมพวา) ให้สังเกตทางแยกซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง(สะพานสมเด็จพระศรีสุริเยนทร์) ตรงไปถึง ถึงสามแยกเลี้ยวขวา ตรงไปผ่านวัดภุมรินทร์ จนถึงสามแยก (มีวัดบางแคใหญ่อยู่ขวามือ) เลี้ยวขวา ตรงไปผ่านวัดบางแคน้อย วัดปากน้ำ ข้ามสะพานคลองแควอ้อม สังเกตค่ายบางกุ้งอยู่ซ้ายมือ จะเห็นแนวกำแพงของค่าย
รถประจำทาง
จากตัวเมืองสมุทรสงคราม นั่งรถโดยสารสองแถว สายแม่กลอง-วัดปราโมทย์ คิวรถอยู่บริเวณธนาคารนครหลวงไทย สาขาสมุทรสงคราม รถจะวิ่งผ่านค่าย

กำเนิดอาเซียน

      อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ซึ่งได้มีการลงนามที่วังสราญรมย์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมาชิกก่อตั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ซึ่งผู้แทนทั้ง 5 ประเทศ ประกอบด้วยนายอาดัม มาลิก (รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย) ตุน อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน (รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติมาเลเซีย) นายนาซิโซ รามอส (รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์) นายเอส ราชารัตนัม (รัฐมนตรีต่างประเทศสิงค์โปร์) และพันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ (รัฐมนตรีต่างประเทศไทย)
      ในเวลาต่อมาได้มีประเทศต่างๆ เข้าเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม (เป็นสมาชิกเมื่อ 8 ม.ค.2527) เวียดนาม (วันที่ 28 ก.ค. 2538) สปป.ลาว พม่า (วันที่ 23 ก.ค. 2540) และ กัมพูชา เข้าเป็นสมาชิกล่าสุด (วันที่ 30 เม.ย. 2542) ให้ปัจจุบันมีสมาชิกอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศ
      วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งอาเซียน คือ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประเทศในภูมิภาค ธำรงไว้ซึ่งสันติภาพเสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมือง สร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมการกินดีอยู่ดีของประชาชนบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก


สัญลักษณ์ของอาเซียน คือ รูปรวงข้าว สีเหลืองบนพื้นสีแดงล้อมรอบด้วยวงกลม สีขาวและสีน้ำเงิน

รวงข้าว 10 ต้น หมายถึง ประเทศสมาชิก 10 ประเทศ
สีเหลือง  หมายถึง  ความเจริญรุ่งเรือง 
สีแดง  หมายถึง  ความกล้าหาญและการมีพลวัติ
สีขาว  หมายถึง  ความบริสุทธิ์ 
สีน้ำเงิน  หมายถึง  สันติภาพและความมั่นคง

กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter)

         ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 เมื่อปี 2550 ที่ประเทศสิงค์โปร์ ผู้นำอาเซียนได้ลงนามในกฎบัตร  อาเซียนซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญของอาเซียนที่จะวางกรอบทางกฎหมายและโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอาเซียน ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ภายในปี 2558 (ค.ศ. 2015) ตามที่ผู้นำอาเซียนได้ตกลงกันไว้ โดยวัตถุประสงค์ของกฎบัตรอาเซียน คือ ทำให้อาเซียนเป็นองค์การที่มีประสิทธิภาพ มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเคารพกฎกติกาในการทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ กฎบัตรจะให้สถานะนิติบุคคลแก่อาเซียนเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาล (Intergovernmental Organization)

กฎบัตรอาเซียน ประกอบด้วยข้อบทต่าง ๆ 13 บท 55 ข้อ มีประเด็นใหม่ที่แสดงความก้าวหน้าของอาเซียน ได้แก่

(1) การจัดตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนของอาเซียน    
(2) การให้อำนาจเลขาธิการอาเซียนสอดส่องและรายงานการทำตามความตกลงของรัฐสมาชิก    
(3) การจัดตั้งกลไกสำหรับการระงับข้อพิพาทต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิก    
(4) การให้ผู้นำเป็น ผู้ตัดสินว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อรัฐผู้ละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรฯ อย่างร้ายแรง    
(5) การเปิดช่องให้ใช้วิธีการอื่นในการตัดสินใจได้หากไม่มีฉันทามติ    
(6) การส่งเสริมการปรึกษาหารือกันระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อแก้ไขปัญหาที่กระทบต่อผลประโยชน์ร่วม    
(7) การเพิ่มบทบาทของประธานอาเซียนเพื่อให้อาเซียนสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที    
(8) การเปิดช่องทางให้อาเซียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับองค์กรภาคประชาสังคมมากขึ้น และ    
(9) การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ให้มีการประชุมสุดยอดอาเซียน 2 ครั้งต่อปี จัดตั้งคณะมนตรีเพื่อประสานความร่วมมือในแต่ละ 3 เสาหลัก และการมีคณะกรรมการผู้แทนถาวรประจำอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการประชุมของอาเซียน เป็นต้น
    กฎบัตรอาเซียนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551 หลังจากที่ประเทศสมาชิกครบทั้ง 10 ประเทศ ได้ให้สัตยาบันกฎบัตร และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552 ที่จังหวัดเพชรบุรีเป็นการประชุมระดับผู้นำอาเซียนครั้งแรกหลังจากกฎบัตรมีผลบังคับใช้

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

About Me.


ชื่อ เด็กชาย สุเมศ  เผ่าจินดา ชื่อเล่น ปอนด์


วันเกิด วันที่ 6 พฤษจิกายน พ.ศ.2541


ส่วนสูง :::156::: น้ำหนัก :::35:::


กรุ๊ปเลือด B

สื่งที่ทำเวลาว่าง  ฟังเพลง อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ 


อาหารที่ชอบ ข้าวมันไก่ และอะไรก็ได้ที่เป็นของกิน


E-mail Pound--@hotmail.com


วงดนตรีที่ชอบ Mild:::LinkinparK:::Bodyslam:::Far east movement.+

อัพเดตเทคโนโลยี

Buffalo Ministration Metro ฮาร์ดไดรฟ์ดีไซน์สวย สะดวกพกพา



บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) ฮาร์ดไดรฟ์ขนาดพกพา ดีไซน์ใหม่ขนาดเล็กกะทัดรัดพรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติพิเศษเฉพาะ และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการใช้งาน

บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวเครื่องสีดำ แดง และขาวมีดีไซน์ที่สวยเก๋ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีบัมเปอร์บอดี้ (BumperBody) ที่จะปกป้องข้อมูลช่วยป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นกับข้อมูล หากมีการกระทบกระเทือนจากการใช้งาน และความแข็งแกร่งมีความจุที่หลากหลายให้เลือกใช้ได้ตามต้องการโดยสามารถพกพาฮาร์ดไดรฟ์ที่มีความจุสูงสุดถึง 500 กิกะไบต์ และที่สำคัญใช้งานง่ายด้วยการติดตั้งแบบอัตโนมัติ





                             Buffalo Ministration Metro ฮาร์ดไดรฟ์ดีไซน์สวย สะดวกพกพา

ฮาร์ดไดรฟ์แบบพกพา บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร มีความจุที่สามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ขนาด 250 กิกะไบต์, 320 กิกะไบต์ และ 500 กิกะไบต์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการแบ็คอัพงานต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี มีความเร็วในการการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 เมกะบิตต่อวินาที การเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยพอร์ตแบบ USB 2.0 ด้วยสายเคเบิลที่ติดอยู่ด้านข้างตัวเครื่องสะดวกในนำมาการใช้งานและจัดเก็บ ด้วยเทคโนโลยี เทอร์โบยูเอสบี (TurboUSB) ช่วยให้การถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งต่อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ทำได้อย่างฉับไวและสะดวกยิ่งขึ้น สามารถจัดเก็บและถ่ายโอนไฟล์ภาพดิจิตอลด้วย Google Picasa ทั้งสามารถจัดเก็บเพลงต่าง ๆ และไฟล์อื่นๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่บนไดรฟ์หลักของเครื่องพีซี



นอกจากนี้ บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงมากยิ่งขึ้นด้วย ซีเคียวล็อคแวร์ (SecureLockWare) ซอฟต์แวร์สำหรับปกป้องข้อมูลจากการถูกขโมย, การจากการผิดพลาดในการจัดเก็บข้อมูล และการเข้าถึงข้อมูลจากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงทำให้ บัฟฟาโล มินิสเตชัน เมโทร (Buffalo MiniStation Metro) มีความปลอดภัยในระดับสูง สามารถใช้งานได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องแมคอินทอช



จุดเด่นผลิตภัณฑ์

- มีน้ำหนักเบา แข็งแรง พกพาสะดวก

- ซอฟต์แวร์ TurboUSB ที่เพิ่มความเร็ว USB2.0

- ความเร็วในการการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 เมกะบิตต่อวินาที

- สามารถติดตั้งได้เองโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้งานไดรฟ์เวอร์

- สนับสนุนยูเอสบี 2.0 และ 1.1

- ซอฟต์แวร์ SecureLockWare สำหรับปกป้องข้อมูลจากการถูกขโมย, ป้องกันจากการผิดพลาดในการจัดเก็บข้อมูล

- เทคโนโลยี BumperBody ปกป้องข้อมูลช่วยป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก

- ซอฟต์แวร์ Memeo AutoBackup สำหรับคอมพิวเตอร์ในระบบ Windows และ Macintosh ช่วยให้การจัดเก็บรวมถึงการอ่านหรือเขียนและ แชร์ข้อมูลปลอดภัย

- สนันสนุน Time Machine สำหรับการแบ็คอัพข้อมูล

- Full-Disk Encryption ระบบการเข้ารหัสเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตในฮาร์ดไดรฟ์หรือระบบที่สูญหายหรือถูกขโมยไป



คุณสมบัติทั่วไป



Internal Hard Drives

- Number of Drives : 1

- Drive Interface : SATA

- Hard Drive Sizes : 250GB, 320GB, 500GB



Interface

- Standard Compliance : USB 2.0 / 1.1

- Connector Type : Mini B type

- Number of Ports : 1

- Data Transfer Rates : Max. 480 Mbps



Others

- Dimensions (W x H x D in.) :5.3 x 3.6 x 0.8

- Weight (oz.) : 8.5

- Power Supply : DC5V (Power supplied through USB)

- Power Consumption : Max. 2.5W

- Client OS Support : Windows Vista , Windows XP, Windows2000, MacOS X 10.4 or later